วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งทางบกในแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก  เชื่อมโยงจากทางตะวันออกคือ เมืองดานัง (เวียดนาม) ข้ามแม่น้ำโขงฝั่งลาวที่บริเวณบ้านนาแก เมืองไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต และข้ามมาประเทศไทยที่บริเวณบ้านสงเปือย ตำบลบางทราย จังหวัดมุกดาหาร และผ่านไปยังฝั่งตะวันตกที่ชายแดนไทย-พม่า ที่อำเภอแม่สอดและเมืองเมียวดี ก่อนไปสิ้นสุดที่เมืองมะละแหม่งของพม่า


มีพิธีวางศิลาฤกษ์ ตัวสะพานมีความยาว 1,600 เมตร กว้าง 12 เมตร เป็นคอนกรีตอัดแรงเช่นเดียวกับสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 โครงสร้างเชิงลาดคอสะพานฝั่งไทยมีความยาว 250 เมตร และที่ฝั่ง สปป.ลาว มีความยาว 200 เมตร รวมความยาวทั้งสิ้น 2,050 เมตร กรรมสิทธิ์โครงการของแต่ละประเทศอยู่ที่จุดกึ่งกลางของสะพาน
โครงการสะพานแห่งนี้ไม่เพียงเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งที่จะเชื่อมเส้นทางต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกเท่านั้น แต่จะช่วยเชื่อมโยงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เพิ่มโอกาสการเติบโตและพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และเอื้ออำนวยให้แต่ละประเทศสามารถให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลในทุก ๆ ด้าน บนพื้นฐานของความเป็นมิตรที่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นด้วย สำหรับประเทศไทยนั้น จะสามารถได้ประโยชน์ด้านการเพิ่มโอกาสการพัฒนา และส่งเสริมการค้า การจ้างงาน การลงทุนและการท่องเที่ยวในจังหวัดมุกดาหาร และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยรวม นอกจากนั้น สะพานนี้จะเอื้ออำนายต่อการที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับจีน
  

 เป็นสะพานมิตรภาพที่มีผู้คนนิยมใช้ข้ามไปฝังซ้ายมาที่สุด และยังป็นสถานที่ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดมุกดาหาร และเป็นที่มาของข่าวพญานาคที่ว่ามีผู้คนเห็นพญานาคม้วนตัวรอบเสาที่ 3   จึงมีความเชื่อว่าที่นั้นมีพญานาคอาศัยอยู่ชาวมุกดาหารจึงได้ร่วมกันสร้างรูปพญานาคขึ้นที่


วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สิ่งน่ารู้อีกที่หนึ่งของจังหวัดมุกดาหารโบสถ์วัดสองคอน

โบสถ์วัดสองคอนนั้นตั้งอยู่ที่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดไปประมาณ 40 กิโลเมตร เดิมวัดสองคอนนี้มีชื่อว่า วัดพระแม่ไถ่ทาส ที่ชื่อนี้ก็เพราะเกิดจากการพลีชีพเพื่อปกป้องศาสนาของนักบุญและผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไทยนั้นมีข้อพิพาทกับฝรั่งเศส จนกลายมาเป็นปัญหาในทางศาสนาในที่สุด วัดแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับให้คนรุ่นหลังๆ ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในอดีต

ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ สถาปัตยกรรมของตัวโบสถ์ เพราะเป็นตัวอาคารที่ออกแบบได้สวยงามแปลกตาตามแนวสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงกับได้รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 ภายในนั้นได้จำลองร่างของนักบุญและผู้ศรัทธาทั้ง 7 คน ไว้เพื่อให้คริสต์ศาสนิกชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสักการะ และข้างๆ ตัวโบสถ์นั้นยังมีบ้านไม้และยุ้งข้าวในสมัยก่อนไว้ให้ชมกันอีกด้วยครับ และในทุกปีนั้นที่วัดสองคอนนี้จะมีการจัดงานฉลองบุญราศีขึ้น 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งที่ 1 นั้นจะจัดขึ้นตรงหรือใกล้เคียงกับวันที่ 22 ต.ค. และครั้งที่ 2 นั้นจะจัดขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค.

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

พิธีแห่อัญเชิญถ้วยพระราชทานทางน้ำพร้อมพิธี ตีช้างน้ำนอง

                         
 พิธีแห่อัญเชิญถ้วยพระราชทานทางน้ำพร้อมพิธี ตีช้างน้ำนอง

เมื่อวันที่ 28 ต.ต. นายบุญยืน คำหงส์ รองผวจ.มุกดาหาร เป็นประธานเปิดงานประเพณีแข่งเรือออกพรรษา ที่แม่น้ำโขง จ.มุกดาหาร โดยมีนายไกสอน คูนลาดสุวันนะวง รอง เจ้าแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นำประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศคึกคักไปด้วยประชาชนจากสองฝั่งโขงเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในปีนี้ จ.มุกดาหาร โดยเทศบาลเมืองมุกดาหารร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มุกดาหาร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 ต.ค. จากนั้นชาวจ.มุกดาหาร จะเดินทางไปร่วมงานบุญส่วงเฮือที่ แขวงสะหวันนนะเขต ในวันที่ 31 ตุลาคม2555 ซึ่งถือปฏิบัติต่อเนื่องกันมาในช่วงเทศกาลออกพรรษาเป็นประจำทุกปี สำหรับกิจกรรมในวันนี้ นอกจากจะมีการประกวดแห่เรือทางบกของชาวชุมชนใน จ.มุกดาหารแล้ว ในวันแรกของงานยังมีพิธีเบิกน่านน้ำ โดยเจ้าเมืองทั้งสองแห่งจะร่วมในพิธีอัญเชิญเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง ลงประทับเรือเจ้าฟ้ามุกดาสวรรค์ พายไปรอบบริเวณสถานที่จัดงาน เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา และสร้างความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมีการประกวดแห่เรือทางเพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณไว้ ส่วนวันที่สองและสาม จะมีการแข่งเรือทั้งในรุ่นเล็ก รุ่นกลางและรุ่นใหญ่ โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ ซึ่งจะแข่งในวันสุดท้าย เป็นการชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และจังหวัดมุกดาหารจะประกอบพิธีแห่อัญเชิญถ้วยพระราชทานทางน้ำพร้อมพิธี ตีช้างน้ำนอง ซึ่งถือเป็นแห่งเดียวในโลกที่ยังคงสืบสานสิ่งดีงามอันล้ำค่าให้คงอยู่ต่อไป.

ซากศพอสูรกายกัปปะ